นายกฯ เป็นประธานประชุมปลัดกระทรวง สั่ง ศธ.ศึกษาวิจัยว่าการเปิดสอนสาขาต่างๆ ตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมหรือไม่ ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ ให้เวลาทำงาน 1 เดือนแล้วสรุปรายงานนายกฯโดยตรง… ขณะที่ ศธ.ถูกแปรญัตติตัดงบลงอีก 2.9 พันล้านบาท ปลัด ศธ.ยันไม่กระทบต่อการทำงานในภาพรวมของ ศธ.เพราะเลือกหั่นงบที่คิดว่า จะใช้ไม่ทันในเวลาที่เหลืออยู่

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่ห้องประชุมอาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ว่า ได้พูดถึงอนาคตการศึกษาของไทย ซึ่งวันนี้เราอยากเห็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่ตรงกับทิศทางที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะประเทศไทยก็ต้องเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราจึงมองกันว่านักศึกษาที่จบออกไปนั้นต้องสัมพันธ์ และรองรับกับการจ้างงานด้วย จึงให้มีการศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดเพิ่มเติมแล้วเราจะเข้ามาร่วมกันทำ งานอย่างบูรณาการกระทรวงศึกษาฯนี้อย่างไรที่จะปรับปรุงคุณภาพการศึกษาให้ดี ขึ้น และรองรับตลาดนี้อย่างไร

ด้าน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัด ศธ. เปิดเผยว่า ศธ.ได้นำเสนอข้อมูลเชิงวิคราะห์เกี่ยวกับภาพรวมการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับ อนุบาลถึงปริญญาเอก ซึ่งมีจำนวนผู้เรียนรวมประมาณ 13 ล้านคน จากจำนวนประชากรในวัยเรียนทั้งหมด 16 ล้านคน ซึ่งเท่ากับว่าหายไปประมาณ 2 ล้านคน โดยผู้เรียนในระดับประถมศึกษา (ป.) นั้น จะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่เมื่อจบ ป.6 แล้ว เด็กจำนวนหนึ่งจะหายไปไม่เรียนต่อระดับมัธยม และมาลดจำนวนลงอีกครั้งเมื่อเรียนต่อ ม.4 โดยในระดับมัธยมปลายนั้น ผู้หญิงจะเรียนต่อมากกว่าผู้ชาย จนถึงระดับอุดมศึกษา จะเหลือผู้เรียนแค่ร้อยละ 55 ของประชากรในวัยเรียนทั้งหมด โดยไม่รู้ว่า ผู้เรียนที่หายไปนั้น เข้าสู่ตลาดแรงงานหรือออกไปอยู่กับบ้านเฉยๆ ส่วนบทบาทการจัดการศึกษานั้น ยังคงอยู่ที่สถานศึกษาของรัฐเป็นหลัก และได้รับความนิยมจากประชาชนสูงกว่า ร.ร.เอกชนซึ่งมีจำนวนน้อย และได้รับการสนับสนุนจากรัฐไม่มากเท่า ทั้งนี้ นายกฯ สนใจข้อมูลเชิงวิเคราะห์ที่ ศธ.นำเสนออย่างมาก เพราะการมีเหลือผู้เรียนต่อระดับอุดมศึกษาแค่ร้อยละ 55 นั้น สัมพันธ์กับปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาพอุตสาหกรรม หรือคุณภาพแรงงานไม่ตรงตามที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ

“ นายกฯ ได้มอบหมายให้ ศธ.ไปสำรวจว่า คนที่ไม่เรียนต่อระดับอุดมศึกษานั้น ไปทำอะไร พร้อมเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาทำวิจัย ว่า การเปิดสอนสาขาต่างๆ ในปัจจุบัน นั้น ตรงกับความต้องการของผู้เรียนและความต้องการของตลาดแรงงานหรือไม่ ทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ จำเป็นต้องการมีการหลักสูตร หรือรูปแบบการสอนหรือไม่ เพื่อให้คุณภาพของผู้เรียนตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยให้เวลาวิจัย 1 เดือน จากนั้นให้ ศธ.สรุปข้อมูลนำเสนอนายกฯโดยตรง นอกจากนี้ นายกฯ ยังชื่มชมนโยบาย English Speaking Year 2012 เป็นสิ่งที่ดี เพราะการรู้ภาษาอังกฤษมีความสำคัญ ทั้งยังยืนยันว่า สนใจงานการศึกษา และพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ขณะเดียวกัน นายกฯยังได้กำชับสำนักงบประมาณ กรณีการของบซ่อมแซมโรงเรียน จัดซื้ออุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบ ให้นักเรียนนั้น ถ้ามีเอกสารรายละเอียดพร้อมจากต้นสังกัด ก็ให้รีบจัดสรรเงินให้ทันที เพื่อให้สถานศึกษาพร้อมสำหรับการเปิดเรียน ปัจจุบัน ยังมีโรงเรียนอีก 2 แห่ง ในจ.ปทุมธานี ไม่สามารถเปิดภาคเรียนได้ รวมถึงมหาวิทยาลัยอีก 12 แห่ง ก็ยังเปิดภาคเรียนไม่ได้” น.ส.ศศิธารา กล่าว

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ธันวาคม 2554